Botox โบท็อกยี่ห้อไหนดีที่สุด อเมริกา/เกาหลี/อังกฤษ/เยอรมัน ต่างกันอย่างไร ?Botox

โบท็อก คือ ชื่อทางการค้าของ โบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum Toxin Type A) ซึ่งเป็นสารที่สกัดจากแบคทีเรียสายพันธุ์เฉพาะ (Clostridium botulinum) ตัวสารอยู่ในรูปโปรตีนที่มีคุณสมบัติพิเศษคือ สามารถจับกับปลายเส้นประสาทที่มาควบคุมกล้ามเนื้อ แล้วไปยับยั้งการกระตุ้นกล้ามเนื้อที่เลี้ยงโดยเส้นประสาทบริเวณนั้น ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ได้รับ Botox หดตัวไม่ได้และอยู่ในสภาพคลายตัวในที่สุด

โบท็อกถูกนำมาใช้ในวงการเสริมความงาม เมื่อฉีดไปแล้วจะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท (Neurotoxin) มีผลทำให้มัดกล้ามเนื้อทำงานลดลงชั่วคราว ลดการขยับของกล้ามเนื้อ ช่วยลดริ้วรอย ลดกราม ปรับรูปหน้าและทำให้ผิวเต่งตึงได้

Botox รักษาริ้วรอยบนใบหน้าได้อย่างไร ?

ริ้วรอยบนใบหน้าไม่ว่าจะเป็น หางตา หว่างคิ้ว หน้าผาก ล้วนเกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้อบนใบหน้า ดังนั้นเมื่อใช้ Botox ฉีดเข้าไปบริเวณที่ต้องการรักษา กล้ามเนื้อก็จะคลายตัว ริ้วรอยจะเริ่มลดลงและหายไปในระยะเวลา 1-2 สัปดาห์ และคงสภาพอยู่ได้ 4-6 เดือน

Botox ลดกราม ทำหน้า V-shape ได้อย่างไร ?

เนื่องจากบริเวณมุมของกระดูกขากรรไกร (กล้ามเนื้อชื่อ Masseter ในภาพ) ในคนที่ชอบเคี้ยวอาหารนานๆ อาหารเหนียว/แข็ง จะทำให้กล้ามเนื้อนี้แข็งแรงและมีขนาดใหญ่ขึ้น จนมุมของใบหน้าเปลี่ยนไป และมีลักษณะกรอบใบหน้าเป็นเหลี่ยมได้ การฉีด Botox จะทำให้กล้ามเนื้อทำงานลดลง และขนาดเล็กลงในที่สุด โดยมีผลอยู่ได้ 4-6 เดือน

Botox ลดขนาดขาและน่องได้อย่างไร ?

ในคนที่เดินหรือวิ่งใช้กล้ามเนื้อขามาก กล้ามเนื้อที่ชื่อว่า Gastrocnemius ในภาพ หรือกล้ามเนื้อน่อง จะมีขนาดโตขึ้น แข็งแรงขึ้น การลดน่อง ทำโดยการฉีด Botox เข้าสู่กล้ามเนื้อดังกล่าว ทำให้กล้ามเนื้อทำงานน้อยลง และลดขนาดลงในที่สุด ผลของการรักษาอยู่ได้ 3-6 เดือน ขึ้นกับการใช้งานกล้ามเนื้อขา

Botox ใช้ลดเหงื่อได้จริงหรือไม่ ?

นอกจาก Botox ยับยั้งการหดตัวของกล้ามเนื้อแล้ว ปลายประสาทที่ถูกยับยั้งยังเป็นปลายประสาทชนิดเดียวกับที่กระตุ้นต่อมเหงื่อให้หลั่งเหงื่อด้วย เพราะฉะนั้นจึงสามารถนำ Botox มาใช้รักษาภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติ (Hyperhidrosis) ที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ที่รักแร้ และยังสามารถลดกลิ่นตัวจากเหงื่อในผู้ป่วยภาวะนี้ได้ด้วย ผลการรักษาอยู่ได้ 4-6 เดือน

Botox ใช้รักษาใบหน้าหย่อนคล้อยได้อย่างไร ?

เมื่ออายุมากขึ้นกล้ามเนื้อบริเวณลำคอ (Platysma) จะทำงานมากขึ้นและดึงใบหน้าให้หย่อนคล้อยลง การใช้ Botox จะช่วยทำให้กรอบใบหน้าชัดขึ้นและยกกระชับใบหน้าขึ้นได้ แต่จะได้ผลดีในรายที่สาเหตุของการหย่อนคล้อยมาจากกล้ามเนื้อดังกล่าว แต่ถ้าการหย่อนคล้อยเกิดจากไขมันส่วนเกิน หรือคอลลาเจนในชั้นผิวหนังเสื่อมสภาพอาจต้องใช้การรักษาวิธีอื่นร่วมด้วยจึงจะได้ผลชัดเจน ผลการรักษาอยู่ได้ 2-4 เดือน

โบท็อก แต่ละยี่ห้อแตกต่างกันอย่างไร ?

โบท็อกยี่ห้อไหนดีที่สุด อเมริกา/เกาหลี/อังกฤษ/เยอรมัน ต่างกันอย่างไร ?)

จุดที่แตกต่างกันในโบท็อกแต่ละยี่ห้อ ขึ้นอยู่กับกรรมวิธีการทำตัวยาให้บริสุทธิ์, ชนิด protein complex, ขนาดของ molecule complex และความคงทนในการเก็บรักษาครับ

โบท็อกอเมริกา (Allergan)

Allergan เป็นบริษัท original ของโบท็อก มีงานวิจัยรับรองกว่า 3,500 งานวิจัย และผ่านการพัฒนาเพื่อที่มีฉีดโบท็อกไปแล้วจะมีโอกาสดื้อโบท็อกน้อยที่สุด และเห็นผลการรักษาดีที่สุดเมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่นๆ ครับ

โบท็อกอเมริกาตัวยามีการกระจายตัวแคบที่สุด จึงให้ผลการรักษาที่แม่นยำ การฉีดโบท็อกอเมริกาเพื่อให้อยู่ได้นานและผลเป็นธรรมชาติที่สุด ต้องอาศัยแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง สามารถคาดคะเนการออกฤทธิ์ของโบท็อกได้แม่นยำครับ

โบท็อกอังกฤษ (Dysport)

จุดเด่นของโบท็อกอังกฤษ คือเมื่อฉีดแล้วตัวยากระจายทั่วถึง ไม่กระจุกเป็นจุดแคบๆ เหมาะกับการฉีดลิฟหน้าด้วยเทคนิค dermolift เพื่อยกกระชับผิว สำหรับคนที่ต้องการลดริ้วรอยอย่างเป็นธรรมชาติจะตึงขึ้นประมาณ 50% นอกจากนี้จะนิยมใช้ Dysport ฉีดลดเหงื่อ ลดกลิ่นตัว ลดต้นแขน ลดน่องครับ

และเนื่องจากโบท็อกอังกฤษมีการกระจายตัวยากว้าง แพทย์จึงต้องมีประสบการณ์และใช้ความระมัดระวังในการฉีด เพื่อไม่ให้ยากระจายไปยังจุดที่ไม่ต้องการ และทำให้เสี่ยงเกิดผลข้างเคียงเช่น ตาตก ยิ้มไม่สุด

โบท็อกเกาหลี (Neuronox/Nabota)

โบท็อกเกาหลีถือเป็นโบท็อกที่ได้รับความนิยมครับ ทั้ง Neuronox/Nabota  ส่วนใหญ่โบท็อกเกาหลีจะเน้นการพัฒนาให้ออกฤทธิ์ไวเทียบเท่าโบท็อก Allergan (โบท็อกอเมริกา) แต่มีราคาที่ถูกกว่าเท่าตัว

Neuronox

โบท็อก ยี่ห้อ Neuronox  เป็นโบท็อกเกาหลีอีกหนึ่งตัวที่ผ่าน อย.ไทย ได้รับการรับรองว่ามีความปลอดภัย ตัวยามีความบริสุทธิ์สูง จึงช่วยลดโอกาสในการดื้อได้ดี เห็นผลไว มีความอ่อนโยน ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ หน้าไม่แข็ง นิยมฉีดเพื่อลดริ้วรอยหางตา รอยย่นหน้าผาก ระหว่างคิ้ว ปรับรูปหน้าให้หน้าเรียว ลดเหงื่อ

Nabota

โบท็อกเกาหลียี่ห้อ Nabota เป็นโบท็อกเกาหลียี่ห้อเดียวที่ผ่านงานวิจัยรับรองจาก อย.อเมริกา U.S.FDA approved (2018) ผลิตโดยบริษัท DAEWOONG จุดเด่นของ nabota botox คือออกฤทธิ์ไว เห็นผลลัพธ์หลังฉีดค่อนข้างเร็ว ตัวยามีความบริสุทธิ์สูงถึง 98.7% เหมาะกับคนที่ต้องการผลแบบเร่งด่วน นิยมนำมาใช้ในการลดริ้วรอย เช่น รอยย่นหน้าผาก หางตา ระหว่างคิ้ว และสามารถนำมาใช้เพื่อลดกราม ยกคิ้ว กระชับหน้า ปรับรูปหน้าให้เรียวเล็กยิ่งขึ้น

โบท็อกเยอรมัน (Xeomin)

โบท็อกเยอรมันจะเน้นพัฒนาโดยเอาข้อดีของ Allergan กับ Dysport มารวมกัน คุณสมบัติต่าง ๆ จึงอยู่กึ่งกลางระหว่างอเมริกากับอังกฤษ คือมีความบริสุทธิ์สูงและตัวยาจะไม่กระจุกตัวแคบเกินไป ทำให้ได้ผลที่ออกมาดูเป็นธรรมชาติ

และยังมีงานวิจัยที่แสดงว่า Xeomin สามารถให้ออกฤทธิ์ได้ในเคสที่ดื้อโบท็อก (โดยที่เคสนั้น ๆ ต้องหยุดการฉีดโบท็อกมาแล้วอย่างน้อย 2-3 ปี)

อันตรายและผลข้างเคียงจากการฉีดโบท็อกซ์

ซึ่งโดยปกติทั่วไปแล้วโบท็อกซ์ของแท้ ผ่านอย. จะไม่ทิ้งสารตกค้างให้แก่ร่างกายของเรา แต่การฉีดโบท็อกซ์นั้นก็มีความเสี่ยงต่างๆที่จะตามมา จะเป็นผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้หลังจากการฉีดโบท็อกซ์ ดังนี้

ติดเชื้อ เกิดจากการเลือกคลินิกที่ไม่สะอาด ไม่ได้มาตรฐาน อุปกรณ์ที่ใช้ในการฉีดไม่สะอาด รวมไปถึงเกิดจากหมอที่ฉีดไม่ใช่หมอจริงๆ ที่เคยได้ยินว่า หมอกระเป๋า นั่นเอง เพราะผู้ที่ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์จะไม่รู้จัก Sterile technique (เทคนิคการทำให้ปราศจากเชื้อโรค) ซึ่งเป็นเทคนิคที่สำคัญในการป้องกันการติดเชื้อจากการทำหัตถการทุกชนิด

ตาตก จะพบได้ในการฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยระหว่างคิ้ว ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ใกล้เปลือกตาด้านบน ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณหนังตาอ่อนแรงและตกลงมาได้ หากฉีดไม่ถูกวิธีและใช้เทคนิคที่ไม่ปลอดภัย

มุมปากเบี้ยว ยิ้มไม่สุด จะพบได้จากการฉีดโบท็อกซ์บริเวณกราม ซึ่งเกิดจากการกระจายตัวไปผิดจุดของโบท็อกซ์ จะเกิดได้ทั้งการยิ้มไม่ขึ้น แสดงสีหน้าได้ไม่ปกติ หรือเรียกกันว่า หน้าแข็ง นั่นเอง

โดยสาเหตุหลักการเกิดผลข้างเคียงจากการฉีดโบท็อกซ์ดังกล่าวมานี้ เกิดได้ด้วยกันหลายปัจจัยด้วยกัน ดังนี้

ความไม่ชำนาญของแพทย์ หากไม่ใช่แพทย์จริงๆ หรือเป็นหมอกระเป๋า อาจเกิดความผิดพลาดในตำแหน่งที่ฉีดมีความคลาดเคลื่อนขึ้นได้

คุณภาพของโบท็อกซ์ หากเป็นโบท็อกซ์ของแท้ ผ่านอย. ไม่ใช่ยาหิ้ว หรือยาที่ไม่ได้มาตรฐาน จะทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงน้อยกว่าโบท็อกซ์ของปลอม

ปริมาณในการฉีด หรือเรียกว่ายูนิต ซึ่งการฉีดในปริมาณที่มากเกินไปจะทำให้เกิดอาการแข็งตึง จนไม่สามารถแสดงสีหน้าความรู้สึกได้ เช่น ยิ้มไม่สุด ไม่สามารถยกปากบนได้ ไม่สามารถยกคิ้วได้

การไหลของโบท็อกซ์ เกิดได้จากการดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกซ์ของคนไข้ เช่น การนอนราบหลังฉีดโบท็อกซ์ทันที ก็จะทำให้ตัวยากระจายไปในส่วนที่เราไม่ต้องการ จนเกิดผลข้างเคียงต่างๆตามมานั่นเอง นอกจากนี้ความ

บริสุทธิ์ของโบท็อกซ์ ก็จะส่งผลให้เกิดการไหลของตัวยาได้เช่นเดียวกัน ยิ่งตัวยาที่มีความบริสุทธิ์มาก ความเสี่ยงในการไหลก็จะลดลงด้วย

ข้อห้ามในการฉีดโบท็อกซ์

ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถทำสวยได้ด้วยการฉีดโบท็อกซ์ ซึ่งบุคคลไม่สามารถฉีดโบท็อกซ์ได้ ดังนี้

ผู้ที่มีอาการแพ้สาร Botulinum

ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรอยู่

ผู้ที่เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงรุนแรง

ผู้ที่เป็นโรคเลือดออกแล้วหยุดยาก

ฉีดโบท็อกที่ไหนดี เลือกอย่างไรให้ปลอดภัย

การฉีดโบท็อกเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมสูงจึงมีหลายคลินิกที่เปิดให้บริการฉีดโบท็อก และเพื่อลดความเสี่ยงเจอคลินิกไม่ได้มาตรฐาน หรือใช้โบท็อกปลอม Lushwood Clinicจึงได้รวบรวมข้อควรพิจารณาการเลือกฉีดโบท็อกที่ไหนดี ไว้คร่าว ๆ ดังนี้

  • เลือกคลินิกที่มีใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล จากสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะอย่างถูกต้อง
  • แพทย์มีความชำนาญการ สามารถเช็กประวัติแพทย์ได้จากเว็บไซต์ของแพทยสภา
  • คลินิกต้องใช้โบท็อกที่ได้มาตรฐานและผ่านอย.ไทยเท่านั้น 
  • เลือกคลินิกฉีดโบท็อกที่มีการติดตามผล และให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวก่อนและหลังทำอย่างใกล้ชิด สามารถปรึกษาแพทย์ที่ทำเคสได้
  • ดูรีวิวหรือความคิดเห็นจากผู้มาใช้บริการจริง 

สำหรับใครที่ยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกฉีดโบท็อกที่ไหนดี Lushwood Clinic นับว่าเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดี เพราะเป็นคลินิกที่ให้ความสำคัญ ในเรื่องการการทำหัตถาการ ที่เน้นความปลอดภัย ทั้งในขั้นตอนการทำ และผลิตภัณฑ์ที่ใช้ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานและผ่านอย.ไทย ดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ และดูรีวิวจากเพจและสื่อโฆษณาต่างๆได้